ผมมี ความเชื่อมั่นว่า ในทุกๆ กิจการ เราสามารถหากำไรที่ตกหล่นอยู่ภายในองค์กร ไม่ได้หมายความถึงบังคับให้พนักงานซื้อสินค้าและบริการของกิจการนะคับ แต่ผมหมายถึง การที่เราสามารถที่จะปรับปรุง พัฒนาการดำเนินกิจการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เช่นญี่ปุ่นใช้ ทฤษฏี Kaizen (ไคเซ็น) คือการปรับปรุง ในการจัดการอย่างมีประสิทธิผล โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ความต่อเนื่องของการปรับปรุง ซึ่งการปรับปรุงนั้นเกิดขึ้นมาจากการคิดของพนักงานเอง วิธีการ หรือเครื่องมือให้การปรับปรุงก็มีหลากหลายวิธี ในภาพจะแสดงถึงเครื่องมือแต่ละสิ้นที่ใช้ในการปรับปรุง ซึ่งการปรับปรุงมิได้หมายความถึง การลงทุนเสมอไป อาจจะเป็นสิ่งเล็กน้อย ที่ไม่ต้องลงทุนมาก หรือไม่ได้ลงทุนเลย นับเป็น Kaizen ทั้งสิ้น แต่สำคัญคือ ต้องต่อเนื่อง นั่นคือ " ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้ "นั่นเอง
ยกตัวอย่างไคเซ็น เช่น ในร้านอาหาร ผู้จัดการพบว่า ในชั่วโมงเร่งรีบ ลูกค้าจะบ่นเป็นประจำว่า อาหารได้ช้า เนื่องจากชั่วโมงนั้น ลูกค้าเยอะมาก จึงต้องการหาวิธีแก้ปัญหา โดยการให้พนักงานเสริฟ ของทางร้านช่วยกันคิด หาสาเหตุของปัญหา พบว่า ลูกค้าสั่งอาหาร แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางรายการใช้เวลาทำนาน บางรายการใช้เวลาไม่นาน แต่พนักงานเสริฟ ไม่รู้ระยะเวลาในการปรุงอาหาร ผู้จัดการจึงจัดให้มี การให้พนักงานเสริฟ เรียนรู้ถึงกระบวนการปรุงอาหาร เพื่อเพิ่มความเข้าใจว่า อาหารแต่ละจานที่ขายอยู่นั้นใช้เวลาปรุงนานเท่าไหร่ เพื่อพนักงานเสริฟ สามารถที่จะอธิบายให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าสั่งอาหารในชั่วโมงเร่งรีบ ได้อย่างถูกต้อง เมื่อลูกค้าทราบถึงระยะเวลา แล้วส่วนใหญ่จะเปลี่ยนใจ ทานสิ่งที่เร็วกว่า หรือบางรายที่สามารถรอได้ก็จะ เลิกบ่น เนื่องจากมีความเข้าใจและได้รับแจ้งจากพนักงานเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่า ลูกค้าบ่นเรื่องอาหารช้าน้อยลง วิธีนี้ทางร้าน ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย
สำหรับการบริหารแบบไทยๆ เราก็มี "ใครเซ็นต์" คือการบริหารปรับปรุงแบบ คิดนอกกรอบ แต่ปฏิบัติ ในกรอบ นั่นหมายความว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อการพัฒนานั้น คิดได้แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ จนกว่าจะมี "ใครเซ็นต์" คือ คำสั่งใคร ? ใครอนุมัติ ? ถ้ายังไม่มี ไม่ทำ ถึงแม้จะคิดได้้ว่า เป็นประโยชน์ต่อองค์กรก็ตาม ถึงแม้ทฤษฏี "ใครเซ็นต์" ท่านอาจจะมองว่า ไม่ดีเลย ในการที่จะปรับปรุงงาน แต่ "ใครเซ็นต์" ทฤษฏี แบบไทยนี้ มีประโยชน์ อย่างมาก สำหรับฝ่ายขาย และฝ่ายการตลาด ซึ่งผมจะได้มีโอกาสนำเสนอ ต่อไปครับ
"หางอึ่ง"


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น